คำว่า “ฟันธง” มีที่มาว่าอย่างไร

รูปภาพ : ไทยรัฐ

          ก่อนจะพูดถึงคำว่า “ฟันธง” ขอพูดถึงคำว่า “ฟัน” ที่เป็นคำกริยาก่อน
          ดร. นิตยา กาญจนะวรรณ อธิบายไว้ว่า คำว่า “ฟัน” นอกจากมีความหมายว่าเอาของมีคมฟาดลงไปแล้ว ปัจจุบันคำนี้มีความหมายที่ขยายออกไปเป็นจำนวนมาก เช่น

► กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตัวอย่างประโยค “งานนี้ฟันไปหลายล้านบาท”

► จัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างประโยค “เจ้านายเป็นคนตรง ถ้าลูกน้องทำผิดก็จะฟันทันที”

► กระทำการทางเพศ ตัวอย่างประโยค “ยัยคนนั้นน่ะ กูฟันไปเรียบร้อยแล้ว”

          ทีนี้มาถึงคำว่า “ธง” และ “ฟันธง” คำว่า “ธง” ตรงกับคำว่า “flag” ในภาษาอังกฤษ 

          The American Heritage Dictionary of the English Language กล่าวไว้ว่า หมายถึงการส่งสัญญาณให้หยุดได้ด้วย ดังในความว่า “flag down a passing car” 

          คำว่า “flag down” เมื่อแปลมาเป็นไทย ก็กลายเป็น “ฟันธง” ไปได้อย่างไม่เคอะเขิน กิริยาฟันธงนี้ จะเห็นได้ในกีฬาแข่งรถ ใช้เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าถึงเส้นชัยแล้ว

           ”ธง” นอกจากเป็นอุปกรณ์ซึ่งใช้เป็นอาณัติสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ความหมายยังขยายออกไป หมายถึง แนวคำตอบสำหรับข้อสอบ ได้ด้วย ตัวอย่างประโยค “อาจารย์ใหญ่ให้ธงคำตอบมาแล้ว เดี๋ยวพวกเราช่วยกันตรวจข้อสอบพวกนี้ก็ได้”

          คำอธิบายความหมายนี้ ตรงกับข้อมูลที่ “ซองคำถาม” ได้มาจากเว็บไซต์ pantip.com ห้องสมุด มีผู้เข้ามาอธิบาย (ขออภัยที่ลืมชื่อผู้ให้ข้อมูล) ว่า

         ”ศัพท์นี้ใช้มาก่อนในวงการนิติศาสตร์ เวลาตอบข้อสอบหรือตัดสินคดีความ ‘ธง’ คือประเด็นใหญ่ หลักใหญ่ คือตัวบทมาตราข้อกฎหมายหลักที่นำมาปรับใช้กับกรณีนั้นหรือโจทย์ข้อสอบนั้น การให้คะแนนของอาจารย์จะแบ่งเป็นส่วนๆ แต่ส่วนแรกต้องถูกต้องเสียก่อน เรียกว่า ‘ธงถูก’ หรือ ‘ฟันธงถูก’ สามารถอ้างอิงบทมาตราได้ชัดเจน ถ้าไม่ถูกตั้งแต่ต้น อาจารย์จะไม่อ่านต่อ ไม่ให้คะแนนเลย แต่ถ้าธงถูก ฟันธงถูก ก็ได้คะแนนไปเกินครึ่ง แต่จะได้มากได้น้อยแค่ไหนต้องตามไปดูอรรถาธิบายขั้นต่อๆ ไป การตอบ ‘ฟันธง’ ก็คือสรุปให้ชัดเจนก่อน ณ เบื้องต้นว่าหลักการคืออะไร จากนั้นจึงค่อยๆ สาธยายเหตุผล”

          สรุปว่า ปัจจุบันคำ “ฟันธง” มีความหมายว่า ตัดสินว่าต้องเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ตัวอย่างประโยค “การชกมวยนัดนี้ ฟันธงลงไปได้เลยว่าฝ่ายแดงจะต้องเป็นฝ่ายชนะ” โดยคำนี้มีที่มาจากแวดวงการเรียนนิติศาสตร์

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: รู้หรือไม่ จาก Msolution

ที่มา : ซองคำถาม นิตยสารสารคดี

ครีมที่เปิดใช้ควรแช่ตู้เย็นจริงหรือเปล่า?

          เป็นอีกเรื่องที่มีข้อโต้แย้งกันมานานกับการเอาครีมไปแช่เย็น ที่บ้างก็ว่าทำแล้วดีมีประโยชน์ แต่บ้างก็ว่าไม่ดีไม่ควร ทำให้สรุปไม่ได้ว่าจะเชื่อใครดี วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเก็บรักษาครีมด้วยวิธีนี้มาฝากกันค่ะ 

ผลลัพธ์ที่ได้จากการเก็บครีมที่ใช้แล้วในตู้เย็น

.

         ❥ ความชุ่มชื่นเย็นสบายเวลาหยิบออกมาทา : จะว่าไปผิวหน้าเราเวลาได้ปะทะกับความชุ่มชื่นและความเย็นแล้วก็คงเหมือนตอนที่เราได้ดื่มน้ำเย็น ๆ ชื่นใจหลังกลับบ้านมาเหนื่อย ๆ นั่นจึงทำให้สาว ๆ ชอบนำครีมและอื่น ๆ เข้าไปแช่ในตู้เย็นแล้วค่อยนำออกมาใช้

         ❥ เชื้อโรคที่ก่อตัวอยู่ในความเย็น : ตู้เย็นในชีวิตประจำวันที่เราใช้อยู่นั้น เก็บทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ขนม กับข้าว และอื่น ๆ อีกมากมายที่สาว ๆ พอจะเก็บจะแช่ได้ ซึ่งก็แน่นอนล่ะว่าแบคทีเรีย เชื้อโรคต่าง ๆ อาจเข้าไปเกาะติดอยู่ที่เนื้อครีมหรือฝาก็เป็นได้ พอหยิบมาเปิดใช้เจ้าพวกนี้ก็ยังไปเกาะติดอยู่ที่หน้าเราอีก บางทีแล้วสิวและปัญหาแพ้ผดผื่น อาจจะมีที่มาจากการเก็บครีมไว้ในตู้เย็นก็ได้นะคะ

         ❥ ตัวครีมอาจเพิ่มหรือเสื่อมประสิทธิภาพ : แม้สาว ๆ บางคนจะเชื่อว่าการเก็บครีมบำรุง เครื่องประทินโฉมต่าง ๆ ในตู้เย็นจะช่วยยืดอายุครีมได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสารประกอบในครีมแต่ละตัวที่เราใช้กันอยู่นั้น หากเจออุณหภูมิที่ไม่สมดุล เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวร้อนจนเกินไปก็อาจส่งผลกับอายุและประสิทธิภาพของเนื้อครีมให้แย่ลงไปอีก

.

วิธีการบำรุงรักษาครีมที่ดีที่สุด

.

         ❥ อุณหภูมิคือสิ่งสำคัญ : สรุปแล้วสาว ๆ ควรวางเก็บครีมบำรุงชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงเครื่องสำอางไว้ในที่ ๆ ไม่ใช่ตู้เย็นก็ได้ค่ะ เพียงแค่ไม่ให้โดนแสงแดดและอยู่ในอุณหภูมิปกติของห้องที่ไม่ร้อน ไม่เย็นจนเกินไป โดยประมาณ 25 องศาเซลเซียส แต่หากต้องไว้ในรถหรือเดินทางบ่อย ๆ ให้มีกระเป๋าใส่เก็บให้มิดชิดนะคะ

         ❥ ระวังการใช้มือหรือนิ้วที่สกปรกสัมผัสโดยตรง : รู้ไหมว่านิ้วมือนี่แหละตัวดี ที่จะทำให้เชื้อโรคที่ติดอยู่ตกลงไปในครีมที่เราใช้ ทางที่ดีเลยให้ใช้ไม้พายหรือช้อนเล็ก ๆ ตักครีมแทนนิ้วและหมั่นเช็ดทำความสะอาดตัวผลิตภัณฑ์อยู่บ่อย ๆ เพื่อช่วยลดการปนเปื้อน สิ่งตกค้างในตัวครีม

         ❥ ปิดฝาให้แน่นสนิท : เมื่อเปิดใช้เสร็จเรียบร้อย การปิดฝาก็ถือเป็นสิ่งสำคัญอีกเช่นกัน เพราะการปิดไม่แน่นหรือเปิดรอไว้ พอทาเสร็จแล้วค่อยมาปิดนั้น อาจทำให้เศษผงและสิ่งสกปรกตกลงไป และอาจจะยิ่งทำให้เนื้อครีมบางประเภทละลายหรือแตกตัวอีกด้วย 

.

         เอาล่ะค่ะ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว สาว ๆ คนไหนที่ยังดูแลครีมไม่ถูกวิธี ต้องรีบปรับเปลี่ยนกันเสียใหม่ตั้งแต่ตอนนี้เลย เพื่อครีมและผิวหน้าที่ดีของเราค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://women.kapook.com

ข้อควรรู้เกี่ยวกับ “น้ำนมแม่”

          โดยปกติร่างกายของคุณแม่จะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ในการสร้างน้ำนมแต่ละรอบ ดังนั้นเมื่อเด็กมีอายุครึ่งเดือนคุณแม่อาจต้องให้นมลูกทุกๆ 2-3 ชั่วโมง พอเด็กอายุได้ประมาณเดือนครึ่งก็อาจเปลี่ยนเป็นทุกๆ 4 ชั่วโมง และพอเด็กอายุได้ประมาณ 3 เดือน คุณแม่ก็อาจไม่จำเป็นต้องให้นมตอนกลางคืนอีกเลย

          ซึ่งจากรายงานของ บัณฑิตยสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (American Academy of Pediatrics) พบว่าคุณแม่ควรให้นมลูกตลอดในระยะหกเดือนแรก แล้วจึงคอยให้อาหารประเภทอื่นทีละอย่างควบคู่กับการให้นมแม่เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี

           แต่มีข้อควรรู้เกี่ยวกับนมแม่ คือ สี กลิ่น และรสของน้ำนมขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไปและกิจกรรมต่างๆ ด้วย เช่น น้ำนมอาจมีกลิ่นกระเทียม สีส้มอ่อน สีเขียวอ่อน จากเม็ดสีของผักผลไม้ที่รับประทาน หรือน้ำนมจะมีรสเปี้ยวหลังออกกำลังกายแล้วประมาณ 90 นาที เนื่องจากร่างกายมีการผลิตกรดนั้นเอง

          ที่สำคัญคุณแม่ควรจะดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อชดเชยการสร้างน้ำนมและไม่ควรให้นมลูกตามเวลาที่ตั้งไว้แต่ควรให้เมื่อเด็กมีอาการหิว

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowlege2 จาก Msolution

ที่มา :: The List

Tags: น้ำนมแม่

ขวัญของคนคืออะไร

          “ขวัญเอ๋ย…ขวัญมา” เป็นคำพูดปลอบเด็กเล็กๆ เวลาที่เขาตกใจ เนื่องจากเชื่อกันว่าเด็กเสียขวัญหรือขวัญของเด็กคนนั้นหายไป จึงทำให้สงสัยว่าขวัญของเด็กนั้นคืออะไร ? อยู่ที่ไหน ?

           ขวัญ คือ สิ่งที่ไม่มีตัวตน ซึ่งประจำตัวคนมาตั้งแต่เกิดจนตาย มีความเชื่อต่อๆ กันมาว่า ขวัญเป็นสิ่งที่ให้คุณแก่มนุษย์เรา เชื่อว่าเด็กทุกคนจะมีขวัญเป็นเทวดาประจำตัว คอยปกปักรักษาให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ถ้าหากขวัญอยู่กับตัวแล้วจะทำให้มีความสุขความเจริญ แต่หากขวัญหายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ บางครั้งถึงกับรักษาไม่หาย ต้องทำพิธีการเรียกขวัญให้แก่เด็กคนนั้น

          ซึ่งนอกจากนี้ยังเชื้อว่าสิ่งที่มีคุณประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ในชีวิตเราต่างก็มีขวัญเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้อาคารสถานที่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เชื่อว่าต้องมีพิธีกรรมการสู่ขวัญแก่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge2 (ความรู้รอบตัว) จาก Msolution

Tags: ขวัญ, ขวัญเอยขวัญมา

กีฬาโอลิมปิกในอดีตผู้หญิงไม่มีสิทธิ์

Ancient Greek vase depicting Olympic runners, c. 525 bc.

Credit : Picture Post/Hulton Archive/Getty Images

Credit : Gianni Dagli Orti/Corbis

Credit : www.englishexercises.org

          การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 776 ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่เชิงเขาโอลิมปัสประเทศกรีก ในทุกๆ 4 ปี แต่เดิมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในสมัยนั้นจะมีแต่นักกีฬาที่เป็นผู้ชายเท่านั้น

          ผู้เป็นทาสและผู้หญิงจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันได้ ส่วนผู้ชายที่ไม่ใช่ชาวกรีกก็จะมีสิทธิ์ได้แค่นั่งชมการแข่งขันเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากในสมัยนั้นนักกีฬาทุกคนจะลงแข่งขันในสนามโดยปราศจากเสื้อผ้าติดตัว คือจะต้องเปลือยกายล่อนจ้อนในขณะลงแข่งขัน เพื่อเป็นการประกวดความสง่างามของร่างกายด้วย และนี่เองจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหรือแม้กระทั่งเข้าไปดูการแข่งขันในสนามได้ และหากผู้หญิงคนใดแอบดูการแข่งขันในสนามก็จะมีความผิดและจะถูกลงโทษอีกด้วย

          รางวัลสำหรับผู้ชนะการแข่งขันจะเป็นมงกุฎกิ่งมะกอกที่ตัดมาด้วยเคียวทองคำจากยอดเขาโอลิมปัส ที่ถือว่าเป็นรางวัลอันศักดิ์สิทธิ์

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: www.ความรู้รอบตัว.com

กินไข่ดิบดีต่อสุขภาพจริงหรือ

          “ไข่” อาหารยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นไข่เจียวกับข้าวสวยร้อนๆ ด้วยแล้วละก็… อร่อยอย่าบอกใครเชียว คนส่วนมากมีความเชื่อกันว่า การกินไข่ดิบจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่จริงๆ แล้วการกินไข่ดิบไม่มีผลดีต่อสุขภาพแม้แต่น้อย

          เพราะในไข่ขาวดิบจะมีโปรตีนที่ชื่อ “อะวิดิน” เมื่อเรากินไข่ขาวดิบเข้าไป “อะวิดิน” จะไปจับตัวกับ “ไบโอดิน” ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งในลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมเอาวิตามินไปใช้ประโยชน์ได้

          แต่ถ้าเราปรุงไข่ให้สุกก่อน สารอะวิดินจะถูกทำลายด้วยความร้อน นอกจากนี้ไข่ดิบยังย่อยยาก เพราะมีลักษณะเป็นเมือกลื่น และอาจมีเชื้อโรคปะปนอยู่ในไข่ดิบที่เรากินเข้าไป จะทำให้ได้รับเชื้อโรคและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้อีกด้วย

          ดังนั้น ไข่ที่ควรบริโภคคือไข่ที่ปรุงให้สุก ไม่ใช่ไข่ดิบ หรือไข่สุกๆ ดิบๆ ความเชื่อที่ว่ากินไข่สุกๆ ดิบๆ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจึงไม่เป็นความจริง หากต้องการกินไข่ลวกให้ได้ประโยชน์ ควรลวกให้ไข่ขาวเป็นสีขุ่น ไม่ใช่สีขาวใสเหมือนไข่ดิบ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

กินเยอะไปต้องทำยังไง

          หลายๆ คนที่เผลอทานอาหารเยอะเกินไปในมื้อนี้ และกำลังกังวลว่าน้ำหนักจะต้องเพิ่มขึ้นอีกกี่โลกันละเนี่ย และจะทำยังไงให้ร่างกายเผาผลาญไขมันเหล่านี้ให้หมดไปไวๆ เคล็ดลับจำกัดไขมันแบบเร่งด่วนมีอยู่ด้วยกัน 5 วิธี

1. ให้ดื่มน้ำส้มคั้นสดๆ ก่อนกินอาหารในมื้อถัดไปติดต่อกันไปสักระยะหนึ่ง วิตามินจากน้ำส้มจะช่วยดูดซึมเฉพาะสารอาหารที่สำคัญและช่วยให้อิ่มท้องเร็วอีกด้วย

2. กินอาหารจำพวกธัญพืชไขมันต่ำเป็นมื้อเช้า จะช่วยให้อิ่มท้องนาน เพราะร่างกายจะย่อยช้าลง และทำให้มื้อต่อไปทานได้น้อยลง

3. เคลื่อนไหวร่างกายด้วยการเดินเล่น วิ่ง หรือเล่นกีฬาที่ชอบสักวันละครึ่งชั่วโมงติดต่อกันสักอาทิตย์หนึ่ง

4. ควรเคี้ยวอาหารช้าๆ เพราะจะทำให้กินอาหารในมื้อต่อไปได้น้อยลง และเลี่ยงอาหารมื้อดึกหลัง 6 โมงเย็นด้วย

5. กินผักผลไม้ที่ให้พลังงานน้อย แต่ให้สารอาหารมาก เช่น ผักโขม ฟักทอง มะเขือเทศ ฝรั่ง แคนตาลูป ชมพู่ เป็นต้น

          จะเลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือนำทั้ง 5 วิธีมาปรับใช้ก็จะยิ่งได้ผลดีมาก

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : iKnowledge จาก Msolution

กินอะไรใช้อดบุหรี่และวิธีล้างพิษสะสม

เรื่องโดย นพ.กฤษดา   ศิรามพุช

         สูตรที่ผมให้คุณพ่อใช้อดบุหรี่นำมาจากงานวิจัยที่ได้รับรองผลแล้ว และได้จากประสบการณ์ตรงแท้ๆ ของผมด้วย แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้โปรแกรมตัดบุหรี่ได้ผลดีที่สุดคือต้องเปิดใจให้กว้าง ให้ความรักและความเข้าใจไปด้วยทั้งผู้สูบและผู้ไม่สูบแล้ว เริ่มรับเทคนิค “กินอดบุหรี่” ต่อไปนี้ไปใช้ได้เลยครับ

.

6 อาหารอดบุหรี่

.

.

1. ผักเขียวจัด

         การศึกษาของมหาวิทยาลัยดุ้ก โดย ดร.แม็คเคลอนอนได้ยืนยันว่า ลิ้นของคนสูบบุหรี่จะได้รับรสได้ไม่อร่อยนักเมื่อกินผักผลไม้ จึงอยากให้หมั่นกินผักให้เยอะ โดยหลักอายุรวัฒน์แนะว่ายิ่งเขียวได้ยิ่งดี เพราะนอกจากมีฤทธิ์สกัดความอยากบุหรี่แล้ว ยังมี “คลอโรฟิลล์” และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยล้างพิษได้อีกมากมาย

.

.

2. มะนาว, เสาวรส, ส้ม, ฝรั่ง, วิตามินซี

         ช่วยได้มากครับ ประมาณว่าเวลาสูบบุหรี่จะมีวิตามินซีรั่วออกไป 60 มิลลิกรัม (พอๆ กับส้ม 1 ลูก ต่อบุหรี่ 1 มวน) เลยอยากชวนให้ท่านที่รักมา “ดื่มน้ำส้ม” และ “เคี้ยวมะนาว” กัน สำคัญครับ ฟังไม่ผิดแน่ แค่ล้างมะนาวทั้งเปลือก แล้วหั่นเป็นเสี้ยวพอเคี้ยวแบบเดียวกับเมี่ยงคำ แล้วนำมากินทุกครั้งที่อยากบุหรี่แทนที่จะหยิบขึ้นสูบ เผลอๆ อดบุหรี่ได้เลยครับ

.

.

3. นมสด

         การศึกษาจากมหาวิทยาลัยรอชเตอร์ ในรัฐนิวยอร์ก เมื่อไม่นานนี้ พบว่า ถ้าหากสูบบุหรี่แล้วจะกินอาหารบางอย่างไม่อร่อยด้วย โดยอย่างหนึ่งคือ “นมวัว” เลยอยากให้ท่านที่รักดื่มนมวัวเข้าไว้เผื่อทำให้เกิดความเบื่อบุหรี่ขึ้นมา แต่ถ้าหากแพ้นมหรือดื่มแล้วท้องเสีย ก็เปลี่ยนเป็น “นมเปรี้ยว” (โยเกิร์ต) ก็ได้ครับ เพราะเป็นนมย่อยแล้ว จะช่วยลดอาการท้องเสียลง

.

.

4. ปลา

         โอเมก้า 3 ในปลาช่วยได้ จะปลาสด ปลาน้ำจืด หรือ “ปลากระป๋อง” ก็ยังได้ ช่วยลดภัยอักเสบจากพิษบุหรี่ในร่างกาย อีกทั้งในปลายังมี “ไวอะกร้าธรรมชาติ” คือ “แอลอาจินีน” (L-arginine) ที่ช่วยขยายหลอดเลือดตามอวัยวะให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น โดยเฉพาะใน “ปลาทูไทย” หรือ “ทูน่ากระป๋อง” ก็ยังได้ครับ

.

.

5. น้ำ

         น้ำเปล่าใสสะอาดนี่ล่ะครับช่วยชำระคราบพิษจากควันบุหรี่ได้ ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้ ช่วยอดบุหรี่อย่าให้มีปากว่าง อยากขึ้นมาก็ดื่มน้ำตามเข้าไป เพราะในร่างกายคนสูบบุหรี่ก็เหมือนกับเครื่องกรองน้ำที่ไม่มีการเปลี่ยนไส้กรอง อวัยวะต่างๆ จมอยู่กับพิษบุหรี่ไม่ใช่แค่ปอดอย่างเดียว ดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 ลิตร จะช่วยล้างพิษและทำให้สดชื่นดีด้วยครับ

.

.

6. ถั่ว, ไข่, อกไก่ 

         สามอย่างนี้เป็นของที่มหาวิทยาลัยแมสสาซูเสตต์แนะนำให้กินในผู้ที่ต้องการอดบุหรี่ เพราะกลไลการติดนิโคตินนี่ไม่ต่างจากการติดเฮโรอีนเลยครับ ชั่วแต่เบากว่ามากเท่านั้น ถึงอย่างไรเสพติดก็คือเสพติดวันยังค่ำครับ การรับสารเสพติดเข้าไปจะกวนเคมีในสมองที่ชื่อ “ซีโรโทนิน” (Serotonin) จึงทำให้มีอาการอยาก ลงแดง หรือซึมเศร้าได้ การได้อาหารที่ไปช่วยสร้างซีโรโทนินได้จะช่วยให้การเลิกบุหรี่ราบรื่นขึ้น

.

.

อาหารที่ต้องหนีในวันอดบุหรี่

.

        นอกจากอาหารที่ทำให้คอบุหรี่ทั้งหลายมีประสาทรับรสที่แย่ลงแล้ว ก็ยังมีของกินที่กระตุ้นความอร่อยให้นักสูบรู้สึกโอชารสสูบไปกินไปแล้วเอมโอชขึ้นได้ จึงเป็นอาหารที่ควรเลี่ยง

        ถ้าไม่อยากเสี่ยงกลับมาสูบใหม่ ขอให้เลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้ครับ

.

.

กาแฟ, ชา, น้ำอัดลม

         ลำพังรับ “นิโคติน” จากบุหรี่ ก็ได้สนิมแก่ฟรีๆ นับล้านอณูแล้ว ถ้ามีจากอัดลมหรือเครื่องดื่มชูกำลังเข้ามาอีกก็เรียกว่าเกินพอ ขอให้ระวังการจับคู่กาแฟกับบุหรี่ครั

.

.

เหล้าและแอลกอฮอล์ทุกประเภท

         การศึกษาพบว่าเข้ากันดีนักแลกับการสูบบุหรี่ เพราะทำให้ลิ้นมีความอร่อยเอร็ดในการรับรสมากขึ้น จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นท่านที่ดื่มไปสูบไป

.

.

เนื้อสัตว์

         โดยเฉพาะเนื้อแดง (red meat) อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อเป็ด ฯลฯ ส่งเสริมการรับรสของผู้สูบบุหรี่ให้ยิ่ง “เจริญสูบ” ดังนั้นการกินเนื้อสเต็กหรือหมูกระทะกับบุหรี่คงไม่ดีแน่

.

.

     จะเห็นว่าอาหารที่แนะนำมาทั้ง “ต้องห้าม” และ “ควรบริโภค” นั้นช่วยท่านทั้งเรื่องของการ “อดบุหรี่” และ “ล้างพิษ” ไปในตัว อีกทั้งอาหารที่เลือกมาจะเน้นที่มี “แอนตี้ออกซิแดนท์” เป็นสารป้องกันมะเร็งให้มากไว้ด้วยครับ    

.

.

.

.

        

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยาสารคู่สร้างคู่สม

กินปลาต้านโรคไตในผู้ป่วยเบาหวาน

 

 

          วารสาร American Journal of Kidney Diseases วารสารทางการของมูลนิธิโรคไตแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ได้ตีพิมพ์งานวิจัยของ ดร.อมันดา แอดเลอร์ และคณะหน่วยระบาดวิทยา สภาวิจัยทางการแพทย์ สหราชอาณาจักร ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับอาหารและวิถีชีวิตของชาวยุโรป พบว่า การกินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ช่วยลดความเสี่ยงโรคไตซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนรุนแรงในผู้ป่วยเบาหวานได้

          ดร.แอดเลอร์และคณะได้ทดลองด้วยการตรวจปัสสาวะ และสรุปผลจากการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับการบริโภคอาหารและวิถีชีวิตจากอาสาสมัครที่อยู่ในวัยกลางคนและวัยสูงอายุมากกว่า 22,000 คน ซึ่งหนึ่งในคำถามนั้นคือ คุณรับประทานปลาบ่อยแค่ไหน ? ผลปรากฏว่า

          ✿ กลุ่มอาสาสมัครที่ป่วยเป็นเบาหวานที่รับประทานปลาโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ มีแนวโน้มที่เกิดภาวะไมโครอัลบูมินนูเรีย (ภาวะที่มีการขับโปรตีนอัลบูมินทางปัสสาวะ ซึ่งสามารถบ่งชี้ถึงการเสื่อมหน้าที่ของไตในระยะเริ่มแรกได้) มากกว่าคนที่รับประทานปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

          ✿ 18 เปอร์เซ็นต์ของอาสาสมัครที่บริโภคปลาในปริมาณน้อยพบโปรตีนในปัสสาวะ ขณะที่อาสาสมัครที่กินปลาในปริมาณปกติพบเพียง 4 เปอเซ็นต์เท่านั้น

          ทีมนักวิจัยสรุปว่า การกินปลาเป็นประโยชน์ในการช่วยลดภาวะปัสสาวะมีอัลบูมินในอาสาสมัครที่เป็นเบาหวานได้ นอกจากนี้ สารอาหารที่มีอยู่เฉพาะในปลายังช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยให้การไหลเวียนไขมันในเลือดเป็นไปอย่างสมดุล

          กินข้าวกินปลาแบบไทยๆ สุขภาพดีหายห่วงจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยาสารชีวจิต

ที่มา : www.medicalnewstoday.com 

Tags: กินปลา, ต้านโรคไต, ผู้ป่วยเบาหวาน, เบาหวาน, โรคไต

กินบ๊วยช่วยเพิ่มพลัง

.

          เมื่อเราต้องใช้พลังงานในการทำงานจนรู้สึกว่าร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือจะเป็นด้วยสาเหตุใดก็ตาม อาการต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะในร่างกายของเรานั้นมีกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับสมดุลความเป็นด่างได้ทัน จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้นมา

          แต่เมื่อเรารับประทานบ๊วยขณะที่เราอ่อนเพลีย ก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกระชุ่มกระชวยขึ้นได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะในบ๊วยจะมีค่าความเป็นด่าง ph 7.35 ซึ่งเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ นอกจากนั้นก็ยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกหลายชนิด

          ดังนั้น ครั้งใดที่คุณรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าจากการทำงาน ลองหาบ๊วยมารับประทานสักเม็ดสองเม็ดก็จะช่วยเพิ่มกำลังให้คุณสดชื่นขึ้นได้

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowlegde จาก Msolution

Tags: บ๊วย, เพิ่มพลัง