เสื้อคลุมหัวใจจากมลพิษ

 

 

           เมื่ออยู่ท่ามกลางมลพิษ เรามักใช้หน้ากากปิดปากและจมูก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยากที่จะรอดพ้นอยู่ดี

          หากมลพิษเข้าสู่อวัยวะภายใน เราปรารถนาจะมีเสื้อคลุมวิเศษที่ช่วยพิทักษ์ทุกเซลล์ของเราให้ปลอดภัย

          นักวิจัยจากศูนย์โรคหัวใจฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา จึงแนะนำเสื้อคลุมวิเศษให้ปอดและหัวใจปลอดภัยจากมลพิษ ซึ่งได้แก่

  • วิตามินบี 6 
  • วิตามินบี 12
  • กรดอมิโน

          ควรกินทั้ง 3 ชนิดนี้ในปริมาณที่แพทย์สั่งหรือเภสัชกรแนะนำ

          หรือถ้าไม่สะดวกกินในรูปแบบบรรจุเม็ดดังกล่าว ให้กินซีเรียลที่ทำจากธัญพืช บรอกโคลี อะโวคาโด เห็ด และปลาแทนก็ได้

          เท่านี้ก็ช่วยสร้างเสื้อคลุมปกป้องหัวใจและปอดให้ปลอดภัยจากมลพิษได้แล้วค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยสารชีวจิต

Tags: มลพิษ, หัวใจ

เลือกใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อนโยนดีอย่างไร

          เห็นเหมือนกันไหมคะว่า เรื่องสุขภาพปากและฟันนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องดูแลเอาใจใส่กันเป็นอย่างยิ่ง

.

           ปัจจุบันจึงได้เห็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันออกมาให้เลือกใช้กันมากมายหลายสูตร วันนี้เรามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพปากและฟันให้ตรงจุดมาบอกต่อ โดยเฉพาะคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้น้ำยาบ้วนปากค่ะ

          ล่าสุดมีการเผยแพร่ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการเลือกน้ำยาบ้วนปากว่า เราๆ ท่านๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดที่มีแอลกอฮอล์รุนแรง เช่น เมื่ออมแล้วแสบปาก ต้องรีบบ้วนทิ้ง หรือต้องผสมน้ำยาบ้วนปากนี้กับน้ำเปล่าก่อนใช้

          ความรู้สึกรุนแรงนี้ไม่ได้เป็นตัวช่วยขจัดกลิ่นปากหรือทำให้สุขภาพช่องปากดีขึ้น เพราะแท้จริงแล้วน้ำยาบ้วนปากที่มีคุณสมบัติดังกล่าว กลับทำให้เกิดกลิ่นปากแบบเรื้อรังในคนที่ใช้เป็นประจำได้

          นอกจากนี้น้ำยาบ้วนปากชนิดรุนแรง ยังทำลายแบตทีเรียชนิดที่มีประโยชน์ในช่องปาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการช่องปากแห้ง ขาดความชุ่มชื่น ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ และอาจมีปัญหากับเหงือกตามมา

          ทางออกที่ดีที่สุดควรเลือกน้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อนโยนผสมสารสกัดจากธรรมชาติ เพราะสารสกัดจากธรรมชาติมีประสิทธิภาพสูงในการดูแลสุขภาพปากและฟัน ช่วยลดกลิ่นปากทำให้ลมหายใจสะดากสดชื่นยาวนานกว่า โดยไม่ทำลายเนื้อเยื้อในช่องปากและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ 

          ฉลาดเลือกก็จะได้ยิ้มสวยกันไปอีกนานค่ะ

.

.

.

.

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยสารชีวจิต

ที่มา : www.naturecanheal.com

Tags: น้ำยาบ้วนปาก, น้ำยาบ้วนปากสูตรอ่อนโยน

เพื่อนเจ้าสาวมีไว้ทำไม

          สมัยก่อนผู้หญิงไทยมักจะเก้อเขินหรือประหม่า เมื่อต้องออกงานสังคมที่ต้องพบกับผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพิธีสมรส ซึ่งเป็นวันสำคัญในชีวิต การมีเพื่อนเจ้าสาวจึงทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าสาวรู้สึกอุ่นใจ ไม่เขินอายวิธีนี้จึงเป็นกลอุบายแบบไทยๆ

          ส่วนทางตะวันตกในยุคโบราณนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าสาวจะเลือกเพื่อนเจ้าสาวที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายเธอที่สุด และในวันงานเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาวก็จะแต่งตัวด้วยชุดที่เหมือนกัน ความเหมือนนี้เป็นอุบายที่คนโบราณคิดขึ้นเพื่อลวงให้วิญญาณชั่วร้ายสับสน เนื่องจากเชื่อกันว่าวิญญาณชั่วร้ายอาจอิจฉาในความสุขและโชคลาภที่กำลังมาสู่เจ้าสาว ดังนั้นเจ้าสาวจึงแวดล้อมตัวเองด้วยเพื่อนเจ้าสาวซึ่งเหมือนเธอให้มากที่สุด ยิ่งเพื่อนเจ้าสาวมีจำนวนมากเท่าใดก็ยิ่งดี เพราะวิญญาณชั่วร้ายจะได้ไม่รู้ว่าคนไหนเป็นเจ้าสาวที่แท้จริง

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: เพื่อนเจ้าสาว

เด็กทารกแรกเกิด ชอบมองอะไรมากที่สุด?

           เคยสงสัยไหมคะว่าเด็กทารกแรกเกิดเขาสามารถมองเห็นได้ไกลแค่ไหนและเด็กทารกชอบมองอะไรเป็นพิเศษ วันนี้เรามีผลการวิจัยที่จะบอกได้ว่า เด็กทารกแรกเกิดนั้นสามารถมองเห็นได้แค่ไหนและพวกเขาชอบมองอะไรค่ะ

 

 

 

          หลังจากที่ทารกได้คลอดออกมาแล้ว โดยปกติ เด็กทารกจะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ในระยะ 1 ฟุต และสามารถจ้องมองสิ่งต่างๆ ค้างได้นานประมาณ 4-10 วินาที แต่การพัฒนาของการมองเห็นของลูกนั้นจะสามารถลำดับขั้นได้ดังนี้

           ทารกแรกเกิดสามารถจดจำหน้าพ่อแม่ได้ภายใน 4 วันหลังคลอด พออายุ 1 เดือน เด็กทารกจะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ในระยะ 15 นิ้ว และมือเริ่มจะขยับเอื้อมไปสัมผัสกับวัตถุที่มองเห็น เมื่อทารกอายุ 3 เดือน เริ่มแยกแยะระยะใกล้ไกลได้และจะสามารถปรับการมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์เมื่ออายุ 4 เดือน

 

คำถามยอดฮิต – เด็กทารกชอบมองอะไรมากที่สุด?

 

          มีผลการวิจัยจาก Dr. Robert Fantz นักวิจัยด้านพฤติกรรมทารก ท่านได้ศึกษาเรื่องเด็กทารกชอบมองอะไรและได้ทดสอบจนได้ผลที่น่าสนใจดังนี้

.

1. เด็กทารก ชอบมองใบหน้าของพ่อแม่ที่แสดงออกถึงความรัก ความอ่อนโยน เพราะเวลาที่เด็กทารกมองนั้น เด็กจะมองจ้องที่ดวงตาของพ่อและแม่ เพราะรอยยิ้มและแววตาที่อ่อนโยนของพ่อแม่นั้นสร้างความอบอุ่นใจให้กับทารก

.
2. เด็กทารก ชอบมองวัตถุที่เคลื่อนไหวมากกว่าวัตถุที่อยู่นิ่งๆ

.
3. เด็กทารก ชอบมองวัตถุที่มีสีตัดกันชัดเจน เช่น สีดำตัดกับสีขาว

.
4. เด็กทารก ชอบมองวัตถุ 3 มิติมากกว่า 2 มิติ

.

.
เราจะส่งเสริมพัฒนาระบบการมองเห็นของลูกได้อย่างไร?

 

          เทคนิคง่ายๆ ที่พ่อแม่สามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้มีดังนี้ค่ะ

.
1.พยายามมองที่หน้าลูกบ่อยๆ เพราะดวงตาของคนจะมีขนาดกลมและมีการตัดกันที่ชัดเจนระหว่างตาขาวและตาดำ และที่สำคัญคือดวงตาสามารถกลอกไปมาได้

.
2.เปลี่ยนตำแหน่งที่ลูกนอนบ้าง เพื่อให้ทารกได้เห็นสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

.
3.หาภาพใบหน้าพ่อแม่มาวางไว้ใกล้ๆ ที่นอนของลูก เพื่อให้ลูกได้เห็นและจดจำหน้าได้เร็วขึ้น

.
4.แขวนวัตถุประเภท 3 มิติ เช่น โมบายไม้ นกกระดาษ ฯลฯ ในจุดที่เด็กทารกสามารถมองเห็นและเอื้อมมือหยิบได้

.
5.พยายามเล่นกับลูกบ่อยๆ อาจจะให้ลูกมองตัวเองในกระจกพร้อมกับพูดคุยกับลูกไปด้วย

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://women.mthai.com

ที่มา :: Babytrick

เคล็ดลับแก้ไขตาบวมและดำคล้ำ

         มีกิจกรรมหลายอย่างที่ทำร้ายผิวหนังรอบดวงตาของเรา เช่น การขยี้ตา การใช้สายตาอย่างหักโหมเช่นอ่านหนังสือหรือเล่นคอมพิวเตอร์นานติดกันหลายชั่วโมง รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอก็ล้วนมีส่วนทำให้เบ้าตาหมองเพราะเส้นเลือดดำขยายตัว บางครั้งเกิดจากเม็ดสีที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากผิวอักเสบเพราะแพ้อายแชโดว์ ครีมบำรุงผิว และน้ำยาทำความสะอาด

          เพราะฉะนั้นวิธีแก้ไขเฉพาะหน้าคือ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบเบ้าตาสลับด้วยผ้าห่อน้ำแข็งนานประมาณ 10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ก่อนนอนควรทาครีมรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) วิตามินซี หรือสารให้ความขาว (Whiteners) อย่าง Arbutin, Kojic Acid และ Mulberry Extract เพื่อกำจัดรอยดำให้หายไปอย่างถาวรภายใน 2-4 สัปดาห์

          ส่วนอาการตาบวม มักจะเกิดขึ้นเพราะระบบเลือดในร่างกายหมุนเวียนไม่ดี ซึ่งอาจเกิดพร้อมกับรอยดำคล้ำได้ สามารถแก้ไขโดยนำแตงกวาแช่เย็นหั่นเป็นแว่นบาง ๆ วางบนเปลือกตาทั้งสองข้างนานประมาณ 10 – 20 นาที ascorbic acid กับ caffeic ในแตงกวาจะช่วยบำรุงผิวและลดอาการบวมได้ หรือจะใช้เทคนิคแต่งหน้าช่วย โดยแต้มคอนซีลเลอร์โทนเหลืองซึ่งมีสีอ่อนกว่าผิวจริงหนึ่งเฉด ใช้นิ้วนางเกลี่ยอย่างเบามือก่อนลงรองพื้นแล้วแต่งหน้าตามปกติ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://women.mthai.com

ที่มา : นิตยสาร Health & Cuisine

Tags: ขอบตาดำคล้ำ, ตาบวม, ตาหมีแพนด้า

เคล็ดลับเพิ่มคุณค่าให้กับกระเทียม

 

 

          อาหารไทยส่วนมากนิยมใส่กระเทียม ทั้งเพื่อรสชาติ กลิ่นหอม และประโยชน์

 

          แล้วคุณผู้อ่านรู้หรือไม่คะว่า การนำกระเทียมมาปรุงอาหารก็มีเคล็ดลับเพื่อให้ได้คุณค่าสูงสุดเหมือนกัน

          วิธีการคือ เราควรสับหรือทุบกระเทียมทิ้งไว้ก่อนทำอาหาร 15 นาที เพราะนอกจากกระเทียมจะปลดปล่อยน้ำมันระเหยออกมาแล้ว ยังสร้างสารที่บำรุงสุขภาพขึ้นมาเพิ่มเติมอีกด้วย

          ยอดเยี่ยมกระเทียม (สด) จริงๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยาสารชีวิต

Tags: กระเทียม

อุณภูมิเท่าไรช่วยให้นอนหลับ

          ภาวะบ้านเมืองและเศรษฐกิจดูมืดมนอย่างนี้ หลายคนถึงกับนอนไม่หลับ 

          วิธีหนึ่งที่จะช่วยเยียวยาอาการนี้ได้คือ การปรับอุณภูมิห้องให้เหมาะสมกับการนอน ซึ่ง National Sleep Foundation ประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำว่า ควรอยู่ระหว่าง 54 – 74 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 17 – 26 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายลดอุณหภูมิลงมาอยู่ในจุดที่เย็นที่สุดได้เร็วที่สุด จนเราสามารถหลับได้อย่างสงบ

          แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องสำรวจที่นอนว่านุ่มหรือแข็งเกินไปหรือเปล่า

          นอกจากนี้ไม่ควรปล่อยให้มือหรือเท้าเย็น เพราะอุณภูมิของมือและเท้าสำคัญต่อการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย มืออุ่นเท้าอุ่นช่วยให้ร่างกายลดอุณภูมิ เพื่อเข้าสู้สภาวะการหลับอย่างสงบได้เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน

          ก่อนนอนคืนนี้อย่าลืมปรับอุณภูมิห้องและร่างกาย พร้อมทั้งคลายเกร็งก่อนนอนนะคะ 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยาสารชีวิต

Tags: นอนหลับ, อุณภูมิ, อุณภูมิห้อง

อาหารเพื่อความงาม

          การทานอาหารให้เหมาะกับสภาพผิวของเราช่วยเพิ่มความงามให้กับเราและยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงด้วย

          ผิวแห้ง เพื่อให้ผิวแห้งกร้านกลับมานุ่มชุ่มชื้น ควรรับประทานที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ อย่างผักที่มีสีเขียวและสีเหลือง เช่น ผักโขม ฟักทอง และควรรับประทานอาหารประเภท นม เนย ถั่ว งา รวมทั้งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี เช่น กล้วย นม ไข่ เนื้อแดง ปลา ตับ

         

          ผิวมัน ความมันเป็นสาเหตุของสิว ควรรับประทานผลไม้ ผักสีเขียวและเหลือง ส่วนอาหารจำพวกช็อกโกแลต ของทอด และขนม ควรกินให้น้อยลง

          ผิวแพ้ง่าย วิตามินบีเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวแพ้ง่าย นอกจากนี้ ผัก ลูกพลับ และส้มยังช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ทำให้ผิวแพ้ง่ายมีภูมิต้านทานมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกาเฟอีน

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge2 จาก Msolution

Tags: อาหารผิว, อาหารเพื่อความงาม

อาหารที่เหมาะกับสภาพผิว

          กระและขี้แมลงวันขึ้น แสดงว่าระบบหมุนเวียนเลือดผิดปกติ ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ ส้ม หรือชาเขียว

          ถ้าหน้าซีดเหลือง แสดงว่ามีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ควรงดน้ำอัดลมและดื่มน้ำขิง กินมะละกอเป็นประจำและนวดหน้า

           ถ้าหน้าหมองคล้า แสดงว่าเกิดอาการผิดปกติที่ไต ความเครียด หรือนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หลังบ่ายสองควรงดเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น โกโก้ กาแฟ น้ำอัดลม

          ถ้าหน้าเป็นสีแดง แสดงว่ามีปัญหาที่หัวใจ หัวใจทำงานผิดปกติ ควรดื่มชาเขียวหรือพอกหน้าด้วยเหล้าจีน

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge2 จาก Msolution

Tags: สภาพผิว, อาหารผิว

อัตราค่าปรับตามกฎหมายจราจรทางบก

         ว่ากันด้วยเรื่องของกฎจราจรซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถติดกว่าที่ควรจะเป็น โดยต้นเหตุหลักๆ อยู่ที่ผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามกฎ เรียกได้ว่าขับรถเอาแต่ใจชนิดจะปาดซ้ายแซงขวา ก็ทำกันตามใจชอบไม่แคร์สายตาคุณตำรวจจราจรเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าทาง บก.จร. จะออกกฎคุมเข้มแล้วก็ตาม

         และเมื่อปัญหารถเยอะบวกกับผู้ฝ่าฝืนกฎ ทำให้รถติดหนึบยิ่งเข้าไปใหญ่ ทาง บก.จร. ก็เลยขอกลับมาใช้การตั้งด่านในช่วงกลางวันอีกครั้ง หลังจากที่ประกาศยกเลิกใช้ไปเมื่อปลายปีก่อน งานนี้ผู้ขับขี่ที่ชอบลักไก่คงร้อนๆ หนาวๆ กันน่าดู

          ดังนั้นจึงขอนำข้อมูลเกี่ยวกับอัตราค่าปรับตาม พ.ร.บ. จราจร พ.ศ. 2552 มาให้คนใช้รถใช้ถนนได้ทราบกันว่า หากเราทำผิดกฎตามกฎหมายแล้วจะต้องเสียค่าปรับเท่าไร (เผื่อไปเจอคุณตำรวจลักไก่จะได้ไม่ต้องควักเงินเกินค่าปรับยังไงล่ะ) 

          ข้อหา ฐานความผิด บทมาตรา และอัตราโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ. 2538) และการเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดนั้นให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กรมตำรวจ) ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2540 และเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2540 ตามลำดับ

1. นำรถที่ไม่มั่นคงแข็งแรงอาจเกิดอันตรายหรือทำให้เสื่อมเสีย สุขภาพอนามัย มาใช้ในทางเดินรถ

อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท 
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

2. นำรถที่ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

3. นำรถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดก๊าซ ฝุ่นควัน ละอองเคมี เกินเกณฑ์ที่อธิบดีกำหนดมาใช้ในทางเดินรถ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 500 บาท

4. นำรถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดเสียงเกินเกณฑ์ที่กำหนดมาใช้ ในทางเดินรถ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 500 บาท

5. ขับรถในทางไม่เปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างในเวลาที่มีแสง สว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวาง ในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะ 150 เมตร

 อัตราโทษ : 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

6. ใช้สัญญาณไฟวับวาบผิดเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

7. ขับรถบรรทุกของยื่นเกินความยาวของตัวรถในทางเดิน รถไม่ติดธงสีแดง ไว้ตอนปลายสุดให้มองเห็นได้ภายในระยะ 150 เมตร

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด :ปรับ 300 บาท

8. ขับรถบรรทุกวัตถุระเบิด หรือ วัตถุอันตรายไม่จัดให้มีป้ายแสดงถึงวัตถุ ที่บรรทุก

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

9. ขับรถไม่จัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้คน สัตว์ หรือสิ่งของที่บรรทุก ตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อน หรือปลิวไปจาก รถอันอาจก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ทางสกปรกเปรอะเปื้อน ทำให้เสื่อมเสียสุขภาพ อนามัยแก่ประชาชนหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

10. ขับรถไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจร หรือเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้หรือทำให้ปรากฏ ในทาง หรือที่พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงให้ทราบ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

11. ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

12. ไม่หยุดรถหลังเส้น ให้รถหยุดเมื่อมีสัญญาณไฟแดง

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

13. ขับรถไม่ปฏิบัติตามสัญญาณจราจรที่พนักงานเจ้าหน้าที่แสดงให้ปรากฏด้วยมือ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

14. ไม่หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด หรือหยุดรถห่างจากพนักงานเจ้าหน้าที่น้อยกว่าสามเมตร

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

15. ทำให้ปรากฏซึ่งสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่กำหนดในทางเดินรถโดยไม่มีอำนาจ

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

16. ไม่ขับรถที่มีความเร็วช้าให้ใกล้ขอบทางด้านซ้ายในทางเดินรถที่มีสวนกันได้

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 200-500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

17. ไม่ขับรถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสารรถจักรยานยนต์ที่มีความเร็วช้าในช่องเดินรถซ้ายสุด ในทางเดินรถที่แบ่งช่องเดินรถไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท

18. เลี้ยวรถหรือเปลี่ยนช่องเดินรถโดยไม่ให้สัญญาณ

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

19. ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท

20. ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 2,000 –10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

21. ขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจร

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400 – 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

22. ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร (เว้นแต่รถเข็นสำหรับทารก คนป่วย หรือคนพิการ)

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

23. ขับรถแซงขึ้นหน้ารถอื่นทางด้านซ้ายมือโดยไม่มีเหตุอันสมควร

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

24. ขับรถแซงขึ้นหน้ารถอื่นขณะขึ้นทางชัน ขึ้นสะพาน หรืออยู่ในทางโค้ง ซึ่งไม่มีเครื่องหมายจราจรให้แซงได้

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

25. ขับรถแซงขึ้นหน้ารถอื่นภายในระยะ 30 เมตร ก่อนถึงทางแยก

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

26. ขับรถออกจากที่จอดเมื่อมีรถจอดหรือสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้าโดยไม่ให้สัญญาณมือหรือแขน หรือสัญญาณไฟ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

27. กลับรถในทางเดินรถกีดขวางการจราจร

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 200-500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

28. กลับรถในระยะ 100 เมตร จากเชิงสะพาน

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

29. กลับรถที่ทางร่วมทางแยก (เว้นแต่จะมีเครื่องหมายจราจรให้กลับรถได้)

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 400- 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

30. หยุดรถหรือจอดรถในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรที่อธิบดีกำหนดในทางเดินรถโดยไม่มีอำนาจ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

31. ไม่จอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

32. จอดรถไม่ขนานชิดกับขอบทางหรือไหล่ทางในระยะห่างเกินกว่า 25 เซนติเมตร 

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

33. หยุดรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุผลสมควร

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

34. หยุดรถตรงปากทางเข้าออกของอาคาร หรือทางเดินรถ โดยไม่มีเหตุผลสมควร

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

35. จอดรถบนทางเท้า

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

36. จอดรถบนสะพานหรือในอุโมงค์

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท

37.จอดรถในทางร่วมทางแยก หรือภายในระยะ 10 เมตร จากทางร่วมทางแยก

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

38. จอดรถในเขตที่มีเครื่องหมายห้ามจอด

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

39. จอดรถภายในระยะ 15 เมตร ก่อนถึงเครื่องหมายหยุดรถประจำทางและเลยเครื่องหมายไปอีก 3 เมตร

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

40. จอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจร

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

42.ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเครื่องมือบังคับ รถ มิให้เคลื่อนย้าย

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือ ปรับไม่เกิน 5,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

43. จอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทางโดยไม่เปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างเพียงพอ ที่จะเห็นรถที่จอดนั้นได้ชัดแจ้งในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 200 – 500บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

44.ขับรถเร็วเกินอัตรากำหนด

 อัตราโทษ : ปรับตั้งแต่ 200 – 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 400 บาท

45. ไม่ยอมให้รถในทางร่วมทางแยกนั้นผ่านไปก่อน เมื่อขับรถถึงทางร่วมทาง แยกทีหลัง

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

46.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น แล้วไม่หยุดช่วยเหลือแสดงตัว และแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับตั้งแต่ 2,000 –10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

47. ขับรถแท็กซี่ปฏิเสธไม่รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร (เว้นแต่ กรณีจะเกิดอันตรายแก่ตนหรือแก่คนโดยสาร)

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

48.ไม่เดินบนทางเท้าหรือไหล่ทางเมื่อทางนั้น มีทางเท้าหรือไหล่ทางอยู่ข้างทางเดินรถ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 200 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 100 บาท

49.เดินข้ามทางนอกทางข้าม เมื่อมีทางข้ามอยู่ภายในระยะ100 เมตร

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 200 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 100 บาท

50.ขี่ จูง ไล่ ต้อน หรือปล่อยสัตว์ไปบนทาง ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร และไม่มีผู้ควบคุมเพียงพอ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

51.วาง ตั้ง ยื่น หรือ แขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร โดยไม่ได้รับอนุญาต

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

52. ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย (มิให้ใช้บังคับแก่ภิกษุสามเณร นักพรต นักบวช ผู้นับถือลัทธิศาสนาที่ใช้ผ้าโพกศรีษะตามประเพณีนิยม

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

53.โดยสารรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย (มิให้ใช้บังคับแก่ภิกษุสามเณร นักพรต นักบวช ผู้นับถือลัทธิศาสนาที่ใช้ผ้าโพกศรีษะตามประเพณีนิยม

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

54. ยินยอมให้ผู้อื่นนั่งตอนหน้าแถวเดียวกับคนขับเกิน 2 คน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

55. เป็นผู้ขับรถโดยสารประจำทาง รถบรรทุกคนโดยสารรถโรงเรียน รถแท็กซี่ ยินยอมให้ผู้โดยสารขึ้นหรือลง รถยนต์ในขณะที่รถหยุดเพื่อรอสัญญาณไฟ หรือหยุดเพราะติดการจราจร 

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 500 บาท 
 อัตรากำหนด : ปรับ 200 บาท

56. ขับรถตามหลังรถฉุกเฉินซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ในระยะไม่ถึง 50 เมตร 

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท 
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

57. กระทำด้วยประการใด ๆ บนทางอันเป็นการกีดขวางของการจราจร 

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท 
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

58. ฝ่าฝืนคำสั่งข้อบังคับหรือระเบียบของเจ้าพนักงานจราจรซึ่งสั่งหรือประกาศ ห้าม หยุดหรือ จอด 

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
 อัตรากำหนด : ปรับ 300 บาท

ข้อหา ฐานความผิด บทมาตรา และอัตราโทษ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2537)

1. ใช้รถไม่จดทะเบียน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

2. ใช้รถไม่เสียภาษีประจำปีภายในเขตกำหนด

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

3. ใช้รถไม่แสดงเครื่องหมายเสียภาษี

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

4. ใช้รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

5. ใช้รถที่มีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์ไม่ครบถ้วน

 อัตราโทษ :ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

6. เปลี่ยนแปลงสีของรถผิดจากที่จดทะเบียนไว้

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

7. เปลี่ยนแปลงตัวรถหรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดจากไปที่ จดทะเบียน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

8. ขับรถยนตร์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม (รถป้ายแดง) ระหว่างพระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น เวลากลางคืน) โดยไม่มีความจำเป็นและได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

9. ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาตขับรถ

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

10. ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถที่จะแสดงได้ทันที (เว้นแต่ผู้ฝึกหัดขับรถตาม)

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

11. ขับรถไม่มีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถที่จะแสดงได้ทันที

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

12. ยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ เข้าขับรถของตน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

13. รับจ้างรถบรรทุกคนโดยสาร โดยใช้รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ไม่เกิน 7 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 10,000 บาท

14. ขับรถระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถ

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

15. ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับรถคันหนึ่งกับรถ อีกคันหนึ่ง

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ข้อหา ฐานความผิด บทมาตรา และอัตราโทษ ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2537)
1.ประกอบการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ประกอบการขนส่งด้วยรถขนาดเล็กโดยไม่ได้รับอนุญาต

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งใช้รถผิดประเภท

 อัตราโทษ : จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดจำนวนรถที่ต้องการใช้ใน การประกอบการขนส่ง ตามเส้นทางที่ใช้ในการประกอบ การขนส่ง

 อัตราโทษ : ปรับตามจำนวนรถที่ขาด คันละไม่เกิน 5,000 บาท ต่อหนึ่งวัน จนกว่าปฏิบัติให้ถูกต้อง

7. เป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ลักษณะ ชนิด ขนาด และสีของรถ และเครื่องหมายของผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องให้ปรากฏ ประจำรถทุกคัน

 อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://www.kroobannok.com

ที่มา :: www.kapook.com, trafficpolice.go.th , highwaypolice.org