ประวัติความเป็นมาของ “ไอศกรีม”

          เมื่อเอ่ยถึงไอศกรีมเชื่อว่าหลายคนคงไม่มีใครไม่รู้จัก เป็นของหวานที่ทุกเพศทุกวัยต่างชื่นชอบ แต่กว่าจะมาเป็นไอศกรีมที่เรากินกันอยู่นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร มาดูกัน

          ไอศกรีมถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศจีน เมื่อ 4,000 ปีที่ผ่านมา ในตอนแรกที่ผลิตออกมานั้นจะดูเหมือนนมขุ่นๆ แช่แข็งมากกว่า เนื่องจากในขณะนั้นจีนได้มีการรีดนมจากสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม นมจึงเป็นอาหารที่มีราคาค่อนข้างสูง พวกชนชั้นสูงจึงนำนมไปหมกไว้ในหิมะให้กลายเป็นนมแช่แข็ง

          ต่อจากนั้นจึงมีการพัฒนาโดยการทำน้ำผลไม้แช่แข็งกินกัน นมและผลไม้แช่แข็งจึงแพร่หลายไปยังประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส เนื่องในพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ได้มีการเสริฟของหวานแช่แข็งและของหวานกึ่งแช่แข็งซึ่งมีลัษณะคล้ายไอศกรีมในปัจจุบัน

          หลังจากนั้นหมอชาวสเปนได้พบเทคนิคพิเศษในการทำไอศกรีมแช่แข็ง คือ การลดอุณหภูมิของส่วนผสม ลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง และเติมดินประสิวลงในหิมะหรือน้ำแข็งที่อยู่รอบถัง ชาวฟรอเรนซ์จึงเป็นคนเริ่มทำของหวานแช่แข็งชนิดแรกของโลก

          ไอศกรีมเข้าสู่สหรัฐอเมริกาเมื่อศตวรรษที่ 1800 ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไอศกรีม เนื่องจากผลิตได้จำนวนมาก และที่นี่ก็ยังเป็นถิ่นกำเนิดของไอศกรีมโซดาและไอศกรีมโฟลตอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: ที่มาของไอศกรีม, ประวัติความเป็นมาของไอศกรีม, ประวัติไอศกรีม, ไอศกรีม

น้ำหวานแก้เครียดน้ำมะนาวแก้เจ็บคอ

          ตอนเช้าๆ หากตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการมึนศีรษะเพราะความเครียด หรือหากมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย มีวิธีแก้ไขมาฝาก ส่วนใหญ่ผู้ที่นอนดึกจะตื่นมาพร้อมกับยามเช้าที่มีอาการปวดศีรษะ มึนศีรษะ ซึ่งเกิดจากความเคียดทางประสาทเพราะร่างการพักผ่อนไม่เพียงพอ

          ควรแก้ไขด้วยการรับประทานอาหารเช้าที่มีแป้งหรือน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักก็จะช่วยได้ เพราะร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลได้ดีและง่าย ซึ่งหากจะให้ง่ายกว่านั้นควรดื่มน้ำหวานสักแก้ว ก็จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและมึนงงได้ดีที่สุด และหากว่าเช้านี้มีอาการเจ็บคอร่วมด้วยให้นำมะนาวมาผ่าซีกและคั้นเฉพาะน้ำออกมาจิบ กรดซิตริกและวิตามินซีจะช่วยขับเสมหะและแก้เจ็บคอได้ดี แถมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเปลือกมะนาวที่ถูกคั้นยังช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

          ใครที่ตื่นมาแล้วไม่สดชื่นลองดื่มน้ำหวานสักแก้วแล้วคั้นมะนาวสดๆ จิบดูจะช่วยได้

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowlegde จาก Msolution

Tags: น้ำมะนาว, น้ำหวาน, แก้เครียด, แก้เจ็บคอ

นางเงือก สวยจริงเหมือนในตำนานหรือไม่

          ภาพเจ้าหญิงเงือกแสนสวยที่มีผมยาวปลิวไสว และมีหางเหมือนปลานั้นเป็นที่ติดตาตรึงใจของผู้คนมากมาย

          แต่จริงๆ แล้วเงือกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในทะเลเรียกว่า “พะยูน” ไม่ใช่สัตว์ประเภทปลา แต่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และหน้าตาค่อนข้างขี้เหร่ด้วย นิสัยของพะยูนนั้นจะอุ้มลูกไว้ที่อกให้กินนมในท่ากึ่งนอน ทำให้ส่วนหัวและส่วนหน้าอกโผล่พื้นผิวน้ำจนดูเหมือนท่าทางของหญิงสาวกำลังให้นมลูกอยู่ ดังนั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยในทะเลชอบอยู่โดดเดี่ยวตัวนี้ จึงกลายเป็นเงือกในตะนานไป

          พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทวัวทะเล เมื่อก่อนอาศัยอยู่บนบก แต่เมื่อพื้นดินเปลี่ยนเป็นพื้นน้ำ พะยูนก็ลงไปอาศัยอยู่ในน้ำ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปร่างกายของมันจึงเปลี่ยนคล้ายปลา ขาหน้าเปลี่ยนเป็นครีบ ขาหลังหายไป หางก็เปลี่ยนไปคล้ายหางปลา มีกระเพาะถึงสี่กระเพาะ ระบบย่อยอาหารก็ดีมาก ดั้งนั้นวันหนึ่งๆ มันจึงเอาแต่เคี้ยวพืชจำพวกสาหร่ายและหญ้าทะเล

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iknowledge2 (ความรู้รอบตัว) จาก Msolution

Tags: นางเงือก, พะยูน

นกพิราบหาทางสื่อสารกลับบ้านได้อย่างไร

          เหตุที่นกพิราบหาทางกลับบ้านจากที่ไกลๆ ได้นั้น เพราะมันมีประสาทสัมผัสในการแยกแยะทิศทางอยู่มากมาย นกพิราบมีเหล็กออกไซด์ในเซลล์ประสาทที่จงอยปาก สามารถตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กได้ มันจึงมีประสาทสัมผัสที่รับรู้ถึงพลังแม่เหล็กได้เหมือนเข็มทิศ สิ่งนี้ทำให้นกพิราบเหมือนกับนกประเภทอื่น รวมถึงเต่าทะเลที่สามารถใช้สนามแม่เหล็กของโลกในการนำทาง หากท้องฟ้าแจ่มใส นกพิราบจะใช้แสงอาทิตย์นำทาง หากท้องฟ้ามืดครึ้มหรือเป็นเวลากลางคืนก็ใช้สนามแม่เหล็กของโลกนำทา

          นอกจากนี้ นกพิราบยังมีจมูกที่ไวต่อกลิ่น ดังนั้นมันจึงใช้กลิ่นในการหาทางกลับได้อีกด้วย นกพิราบมักอยู่ด้วยกันเป็นคู่เสมอ หากจับคู่กันแล้วก็จะไม่เปลี่ยนคู่ไปตลอดชีวิต หากคู่ของมันตายไป อีกฝ่ายก็จะใช้คอของตนเองลูบไล้ไปที่ร่างคู่ของมัน เพื่อแสดงความโศกเศร้าและอาลัยอาวรณ์

          นกพิราบที่สมบูรณ์นั้นต้องมีหัวใหญ่ ลูกตาสุกใส ลูกตาดำ ตอบสนองฉับไว บ่ากว้าง หน้าอกแบนราบ ปีกกว้างและแข็งแรง ขาสั้นแต่เล็บคม น้ำหนักไม่เกิน 450 กรัม

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: นกพิราบ

ที่มาของคำว่า “ฮันนีมูน”

             ปัจจุบันประเพณีการแต่งงานของคนไทยได้รับเอาวัฒนธรรมของชาติตะวันตกเข้ามา ในการแต่งงานยุคใหม่หลังพิธีเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนใหญ่คู่แต่งงานมักจะไปท่องเที่ยวพักผ่อนยังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เราเรียกว่า “ฮันนีมูน” (Honeymoon)

          ในคริสต์ศตวรรษต้นๆ เมื่อหนุ่มยุโรปพาตัวหญิงสาวที่อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงออกมาซ่อน และให้เพื่อนๆ ช่วยดูแลความปลอดภัยให้ เมื่อพ่อและแม่ฝ่ายหญิงเลิกตามหาแล้วจึงพาหญิงสาวกลับบ้าน

          คำว่า “ฮันนี่” (Honey) เกี่ยวข้องกับพิธีแต่งงานโดยที่คู่บ่าวสาวจะดื่มไวน์น้ำผึ้งวันละแก้วในช่วงเดือนแรกของการแต่งงาน ส่วนคำว่า “มูน” (Moon) หมายถึงพระจันทร์หรือเดือนนั่นเอง เมื่อนำ 2 คำมารวมกันจึงหมายถึง เดือนที่เต็มไปด้วยความหวานชื่นของชีวิตแต่งงาน

          ส่วนในศตวรรษที่ 16-17 นักเขียนและกวีชาวอังกฤษมักใช้คำว่า “ฮันนีมูน” เปรียบเทียบความรักอันหวานชื่นในชีวิตการแต่งงานเหมือนดั่งดวงจันทร์ที่ทอแสงสุกใส

          ในปัจจุบันฮันนีมูนไม่ได้ใช้เวลาถึง 1 เดือนเต็ม เนื่องจากความจำเป็นภาระหน้าที่การงานของแต่ละคน บางคู่เหลือเพียง 1 สัปดาห์ แต่เราก็ยังใช้คำว่า “ฮันนีมูน”

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: น้ำผึ้งพระจันทร์, ฮันนีมูน

ที่มาของคำว่า “สวัสดี”

 

          เป็นเวลากว่า 69 ปีแล้ว ที่เราชาวไทยใช้คำว่า “สวัสดี” ในการทักทายซึ่งกันและกันเมื่อพบเจอกัน คำว่า “สวัสดี” แปลว่า ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย ผู้ที่คิดค้นคำนี้ขึ้นมาคือ “พระยาอุปกิตศิลปสาร” (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านได้นำคำว่า “สวัสดี” มาทดลองใช้ในหมู่นิสิตจุฬาเป็นกลุ่มแรก

          หลังจากนั้นในสมัยที่จอมพล ป.พิบูล สงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2486 เป็นต้นมา การกล่าวคำว่าสวัสดีของไทยเรานั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคำทักทายของชาติอื่นๆ คือ ขณะที่เรากล่าวคำว่าสวัสดี เราจะยกมือขึ้นประนมไว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม หมายถึง สิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล และระดับมือที่อยู่ระหว่างหัวใจจะสื่อให้เห็นว่าเป็นการทักทายที่มาจากใจของผู้ไหว้ เมื่อเรากล่าวคำว่า “สวัสดี” พร้อมกับการประนมมือ จึงหมายถึง ความงดงามของจิตใจคนไทย ที่หวังให้ผู้ที่พบเจอมีแต่สิ่งดีๆ ที่เป็นมงคลต่อตัวเองและผู้อื่นๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: ที่มาของคำว่าสวัสดี, สวัสดี

ที่มาของคำว่า “สบู่”

          เมืองไทยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์นับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวต่างชาติมักนิยมเข้ามาค้าขายกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ โปตุเกส ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น

          ในสมัยก่อนชาวต่างชาติพวกนี้มักจะมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ดูทันสมัยนำเข้ามาขายในประเทศไทยอยู่เสมอ สินค้ายอดนิยมในสมัยนั้นที่ชาวญี่ปุ่นนำเข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทยคือ “สบู่” ที่สามารถใช้ได้ทั้งซักผ้าและถูตัวทำความสะอาดร่างกาย จริงแล้วสบู่ไม่ใช่สินค้าของญี่ปุ่น แต่เป็นของคนยุโรปที่ไปค้าขายในญี่ปุ่น แต่คนญี่ปุ่นจะเรียก Soap เป็น “โซปปุ” (Soapu) ดังนั้นชาวญี่ปุ่นที่นำสบู่มาขายในเมืองไทยจึงเรียกตามสำเนียงของตัวเองว่า “โซปปุ”

          แต่ด้วยภาษาและสำเนียงที่ต่างกัน คนไทยจึงเรียกเพี้ยนมาเป็นคำว่า “สบู่” ที่เรารู้จักและใช้มาถึงทุกวันนี้นี่เอง

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge2 จาก Msolution

ทำไม PLAYBOY จึงใช้สัญลักษณ์รูปกระต่าย

          หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไม PlayBoy จึงใช้สัญลักษณ์เป็นรูปของกระต่ายทั้งๆ ที่คำว่า “PlayBoy” น่าจะมีสัญลักษณ์เป็นรูปผู้ชายตามความหมายของคำศัพท์

          คำว่า “PlayBoy” กำเนิดขึ้นมาเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.1953 โดย “ฮิวจ์ เฮฟเนอร์” หนุ่มก็อบปี้ไรเตอร์ เขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ มาแจ้งเกิดนิตยสารน้องใหม่ ใช้ชื่อว่า “PlayBoy-เพลย์บอย” โดยมีภาพเซ็กซี่ของสาวๆ เป็นจุดขาย ซึ่งต่างจากนิตยสารทั่วไป และเขาได้เซ็กซี่สตาร์ชื่อเสียงก้องโลกยุคนั้นอย่าง “มาริลีน มอนโร” (Marilyn Monroe) มาขึ้นปกฉบับปฐมฤกษ์ นับเป็นสาวเพลย์บอยคนแรกในช่วงนั้น

          เฮฟเนอร์ไม่แน่ใจเลยว่าจะมีฉบับที่ 2 ตามมาหรือไม่ เนื่องจากเป็นนิตยสารน้องใหม่ ซึ่งอาจไม่ได้รับการตอบรับจากผู้อ่าน แต่สิ่งที่เฮฟเนอร์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ผลตอบรับจากเพลย์บอยดีเกินคาด ยอดขายฉบับแรกทะลุเกิน 50,000 เล่ม ภาพวาบหวิวของสาวๆ บทความจากนักเขียนชื่อดัง รวมไปถึงภาพวาดการ์ตูนและวาทะที่คมคาย ส่งผลให้เพลย์บอยเป็นหนังสือที่ผู้ชายส่วนใหญ่ใฝ่ฝันหา

          และเขาใช้สัญลักษณ์ “กระต่ายผูกเนกไท” ขึ้นมาสื่อถึงความแสนซน น่ารัก ความสดใสของอิสตรี พร้อมกับเป็นบันใดไปสู่ดวงดาวของสาวๆ ที่สร้างชื่อให้กับพวกเธอ อาทิ ชารอน สโตน , ชินดี้ ครอว์ฟอร์ด และจากนิตยสารเล่มนี้ได้ก้าวเข้าสู่วงการโทรทัศน์ ธุรกิจเสื้อผ้า และสินค้าต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่ใช้รูปกระต่ายผูกเนกไทเป็นโลโก้ทั้งสิ้น

PlayBoy ฉบับปฐมฤกษ์

ภาพจาก www.icollector.com

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: PLAYBOY, สัญลักษณ์ PLAYBOY, สัญลักษณ์รูปกระต่าย

ทำไมเมื่อกินของเย็นๆ แล้วรู้สึกปวดหัวจี๊ด

          เคยสังเกตไหมครับ เวลาดื่มน้ำที่เย็นจัดหรือรับประทานของเย็นๆ จะรู้สึกปวดหัวจี๊ดมาทันที เรามีคำตอบมาฝากครับ เวลาที่เรารับประทานอาหารเย็นจัดแล้วรู้สึกจี๊ดมาทันทีทันใด เนื่องจากความเย็นนั้นไปสัมผัสกับเพดานปาก ทำให้ระบบประสาทมีปฏิกิริยาต่อความเย็น ทำให้หลอดเลือดในสมองบวมโตขึ้นทันที จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา

          แต่อาการนี้จะหายไปในเวลาไม่นานนัก เพราะเมื่อหลอดเลือดยุบตัวลง อาการปวดหัวก็จะหายไปครับ วิธีป้องกันอาการปวดหัวจี๊ดแบบนี้ทำได้ไม่ยาก เพียงคุณค่อยๆ รับประทานไอศกรีม หรืออาหารหวานเย็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้ระบบประสาทได้ค่อยๆ ปรับอุณหภูมิไปทีละน้อย เท่านี้ก็ช่วยไม่ให้มีอาการปวดหัวจี๊ดแล้ว

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: กินของเย็น, ปวดหัวจี๊ด

ทำไมหัวและคอของนกแร้งจึงไม่มีขน

          นกส่วนใหญ่จะมีขนขึ้นเต็มตัว บ้างก็มีสีสันสดใส บ้างก็ขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ แต่มีนกชนิดหนึ่งที่นอกจากจะไม่มีขนที่สวยงามแล้ว ส่วนหัวและลำคอก็ยังไม่มีขนปกคลุมอีกต่างหาก นกที่ว่านี้คือ “นกแร้ง” อาหารหลังของนกแร้งคือซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยแล้ว และระหว่างที่กินอยู่นั้น หัวและคอของมันจะโดนเลือดและเชื้อโรคจำนวนมากได้ง่าย หากตรงส่วนนี้มีขนขึ้นหนาแน่น จะทำให้เชื้อโรคหลบอยู่ภายในขนจนทำให้นกแร้งไม่สบายได้ นอกจากนี้เมื่อกินเสร็จจะไปตากแดด การที่หัวและคอไม่มีขนจึงทำให้มันทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้ง่าย

          ดังนั้นการที่นกแร้งไม่มีขนขึ้นบริเวณหัวและคอก็เป็นผลจากการที่ร่างกายได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพการดำรงชีวิตนั่นเอง คอที่ไร้ขนของนกแร้งนั้นยังมีประโยชน์อีกคือ โดยทั่วไปแล้วหน้าของนกแร้งจะเป็นสีน้ำตาลแก่ ตรงคอเป็นสีฟ้าตะกั่ว แต่ว่าเวลากินอาหารนั้นสีของคอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด เพื่อเตือนให้นกแร้งตัวอื่นหลีกไปไกลๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKonwlenge2 (ความรู้รอบตัว) จาก Msolution

Tags: นกแร้ง, อีแร้ง, แร้ง