นกพิราบหาทางสื่อสารกลับบ้านได้อย่างไร

          เหตุที่นกพิราบหาทางกลับบ้านจากที่ไกลๆ ได้นั้น เพราะมันมีประสาทสัมผัสในการแยกแยะทิศทางอยู่มากมาย นกพิราบมีเหล็กออกไซด์ในเซลล์ประสาทที่จงอยปาก สามารถตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กได้ มันจึงมีประสาทสัมผัสที่รับรู้ถึงพลังแม่เหล็กได้เหมือนเข็มทิศ สิ่งนี้ทำให้นกพิราบเหมือนกับนกประเภทอื่น รวมถึงเต่าทะเลที่สามารถใช้สนามแม่เหล็กของโลกในการนำทาง หากท้องฟ้าแจ่มใส นกพิราบจะใช้แสงอาทิตย์นำทาง หากท้องฟ้ามืดครึ้มหรือเป็นเวลากลางคืนก็ใช้สนามแม่เหล็กของโลกนำทา

          นอกจากนี้ นกพิราบยังมีจมูกที่ไวต่อกลิ่น ดังนั้นมันจึงใช้กลิ่นในการหาทางกลับได้อีกด้วย นกพิราบมักอยู่ด้วยกันเป็นคู่เสมอ หากจับคู่กันแล้วก็จะไม่เปลี่ยนคู่ไปตลอดชีวิต หากคู่ของมันตายไป อีกฝ่ายก็จะใช้คอของตนเองลูบไล้ไปที่ร่างคู่ของมัน เพื่อแสดงความโศกเศร้าและอาลัยอาวรณ์

          นกพิราบที่สมบูรณ์นั้นต้องมีหัวใหญ่ ลูกตาสุกใส ลูกตาดำ ตอบสนองฉับไว บ่ากว้าง หน้าอกแบนราบ ปีกกว้างและแข็งแรง ขาสั้นแต่เล็บคม น้ำหนักไม่เกิน 450 กรัม

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: นกพิราบ

ที่มาของคำว่า “ฮันนีมูน”

             ปัจจุบันประเพณีการแต่งงานของคนไทยได้รับเอาวัฒนธรรมของชาติตะวันตกเข้ามา ในการแต่งงานยุคใหม่หลังพิธีเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนใหญ่คู่แต่งงานมักจะไปท่องเที่ยวพักผ่อนยังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เราเรียกว่า “ฮันนีมูน” (Honeymoon)

          ในคริสต์ศตวรรษต้นๆ เมื่อหนุ่มยุโรปพาตัวหญิงสาวที่อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงออกมาซ่อน และให้เพื่อนๆ ช่วยดูแลความปลอดภัยให้ เมื่อพ่อและแม่ฝ่ายหญิงเลิกตามหาแล้วจึงพาหญิงสาวกลับบ้าน

          คำว่า “ฮันนี่” (Honey) เกี่ยวข้องกับพิธีแต่งงานโดยที่คู่บ่าวสาวจะดื่มไวน์น้ำผึ้งวันละแก้วในช่วงเดือนแรกของการแต่งงาน ส่วนคำว่า “มูน” (Moon) หมายถึงพระจันทร์หรือเดือนนั่นเอง เมื่อนำ 2 คำมารวมกันจึงหมายถึง เดือนที่เต็มไปด้วยความหวานชื่นของชีวิตแต่งงาน

          ส่วนในศตวรรษที่ 16-17 นักเขียนและกวีชาวอังกฤษมักใช้คำว่า “ฮันนีมูน” เปรียบเทียบความรักอันหวานชื่นในชีวิตการแต่งงานเหมือนดั่งดวงจันทร์ที่ทอแสงสุกใส

          ในปัจจุบันฮันนีมูนไม่ได้ใช้เวลาถึง 1 เดือนเต็ม เนื่องจากความจำเป็นภาระหน้าที่การงานของแต่ละคน บางคู่เหลือเพียง 1 สัปดาห์ แต่เราก็ยังใช้คำว่า “ฮันนีมูน”

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: น้ำผึ้งพระจันทร์, ฮันนีมูน

ที่มาของคำว่า “สวัสดี”

 

          เป็นเวลากว่า 69 ปีแล้ว ที่เราชาวไทยใช้คำว่า “สวัสดี” ในการทักทายซึ่งกันและกันเมื่อพบเจอกัน คำว่า “สวัสดี” แปลว่า ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย ผู้ที่คิดค้นคำนี้ขึ้นมาคือ “พระยาอุปกิตศิลปสาร” (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่านได้นำคำว่า “สวัสดี” มาทดลองใช้ในหมู่นิสิตจุฬาเป็นกลุ่มแรก

          หลังจากนั้นในสมัยที่จอมพล ป.พิบูล สงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2486 เป็นต้นมา การกล่าวคำว่าสวัสดีของไทยเรานั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคำทักทายของชาติอื่นๆ คือ ขณะที่เรากล่าวคำว่าสวัสดี เราจะยกมือขึ้นประนมไว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม หมายถึง สิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล และระดับมือที่อยู่ระหว่างหัวใจจะสื่อให้เห็นว่าเป็นการทักทายที่มาจากใจของผู้ไหว้ เมื่อเรากล่าวคำว่า “สวัสดี” พร้อมกับการประนมมือ จึงหมายถึง ความงดงามของจิตใจคนไทย ที่หวังให้ผู้ที่พบเจอมีแต่สิ่งดีๆ ที่เป็นมงคลต่อตัวเองและผู้อื่นๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: ที่มาของคำว่าสวัสดี, สวัสดี

ที่มาของคำว่า “สบู่”

          เมืองไทยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์นับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวต่างชาติมักนิยมเข้ามาค้าขายกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ โปตุเกส ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น

          ในสมัยก่อนชาวต่างชาติพวกนี้มักจะมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ดูทันสมัยนำเข้ามาขายในประเทศไทยอยู่เสมอ สินค้ายอดนิยมในสมัยนั้นที่ชาวญี่ปุ่นนำเข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทยคือ “สบู่” ที่สามารถใช้ได้ทั้งซักผ้าและถูตัวทำความสะอาดร่างกาย จริงแล้วสบู่ไม่ใช่สินค้าของญี่ปุ่น แต่เป็นของคนยุโรปที่ไปค้าขายในญี่ปุ่น แต่คนญี่ปุ่นจะเรียก Soap เป็น “โซปปุ” (Soapu) ดังนั้นชาวญี่ปุ่นที่นำสบู่มาขายในเมืองไทยจึงเรียกตามสำเนียงของตัวเองว่า “โซปปุ”

          แต่ด้วยภาษาและสำเนียงที่ต่างกัน คนไทยจึงเรียกเพี้ยนมาเป็นคำว่า “สบู่” ที่เรารู้จักและใช้มาถึงทุกวันนี้นี่เอง

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge2 จาก Msolution

ทำไม PLAYBOY จึงใช้สัญลักษณ์รูปกระต่าย

          หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ทำไม PlayBoy จึงใช้สัญลักษณ์เป็นรูปของกระต่ายทั้งๆ ที่คำว่า “PlayBoy” น่าจะมีสัญลักษณ์เป็นรูปผู้ชายตามความหมายของคำศัพท์

          คำว่า “PlayBoy” กำเนิดขึ้นมาเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.1953 โดย “ฮิวจ์ เฮฟเนอร์” หนุ่มก็อบปี้ไรเตอร์ เขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ มาแจ้งเกิดนิตยสารน้องใหม่ ใช้ชื่อว่า “PlayBoy-เพลย์บอย” โดยมีภาพเซ็กซี่ของสาวๆ เป็นจุดขาย ซึ่งต่างจากนิตยสารทั่วไป และเขาได้เซ็กซี่สตาร์ชื่อเสียงก้องโลกยุคนั้นอย่าง “มาริลีน มอนโร” (Marilyn Monroe) มาขึ้นปกฉบับปฐมฤกษ์ นับเป็นสาวเพลย์บอยคนแรกในช่วงนั้น

          เฮฟเนอร์ไม่แน่ใจเลยว่าจะมีฉบับที่ 2 ตามมาหรือไม่ เนื่องจากเป็นนิตยสารน้องใหม่ ซึ่งอาจไม่ได้รับการตอบรับจากผู้อ่าน แต่สิ่งที่เฮฟเนอร์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ผลตอบรับจากเพลย์บอยดีเกินคาด ยอดขายฉบับแรกทะลุเกิน 50,000 เล่ม ภาพวาบหวิวของสาวๆ บทความจากนักเขียนชื่อดัง รวมไปถึงภาพวาดการ์ตูนและวาทะที่คมคาย ส่งผลให้เพลย์บอยเป็นหนังสือที่ผู้ชายส่วนใหญ่ใฝ่ฝันหา

          และเขาใช้สัญลักษณ์ “กระต่ายผูกเนกไท” ขึ้นมาสื่อถึงความแสนซน น่ารัก ความสดใสของอิสตรี พร้อมกับเป็นบันใดไปสู่ดวงดาวของสาวๆ ที่สร้างชื่อให้กับพวกเธอ อาทิ ชารอน สโตน , ชินดี้ ครอว์ฟอร์ด และจากนิตยสารเล่มนี้ได้ก้าวเข้าสู่วงการโทรทัศน์ ธุรกิจเสื้อผ้า และสินค้าต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่ใช้รูปกระต่ายผูกเนกไทเป็นโลโก้ทั้งสิ้น

PlayBoy ฉบับปฐมฤกษ์

ภาพจาก www.icollector.com

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: PLAYBOY, สัญลักษณ์ PLAYBOY, สัญลักษณ์รูปกระต่าย

ทำไมเมื่อกินของเย็นๆ แล้วรู้สึกปวดหัวจี๊ด

          เคยสังเกตไหมครับ เวลาดื่มน้ำที่เย็นจัดหรือรับประทานของเย็นๆ จะรู้สึกปวดหัวจี๊ดมาทันที เรามีคำตอบมาฝากครับ เวลาที่เรารับประทานอาหารเย็นจัดแล้วรู้สึกจี๊ดมาทันทีทันใด เนื่องจากความเย็นนั้นไปสัมผัสกับเพดานปาก ทำให้ระบบประสาทมีปฏิกิริยาต่อความเย็น ทำให้หลอดเลือดในสมองบวมโตขึ้นทันที จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา

          แต่อาการนี้จะหายไปในเวลาไม่นานนัก เพราะเมื่อหลอดเลือดยุบตัวลง อาการปวดหัวก็จะหายไปครับ วิธีป้องกันอาการปวดหัวจี๊ดแบบนี้ทำได้ไม่ยาก เพียงคุณค่อยๆ รับประทานไอศกรีม หรืออาหารหวานเย็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้ระบบประสาทได้ค่อยๆ ปรับอุณหภูมิไปทีละน้อย เท่านี้ก็ช่วยไม่ให้มีอาการปวดหัวจี๊ดแล้ว

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: กินของเย็น, ปวดหัวจี๊ด

ทำไมหัวและคอของนกแร้งจึงไม่มีขน

          นกส่วนใหญ่จะมีขนขึ้นเต็มตัว บ้างก็มีสีสันสดใส บ้างก็ขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ แต่มีนกชนิดหนึ่งที่นอกจากจะไม่มีขนที่สวยงามแล้ว ส่วนหัวและลำคอก็ยังไม่มีขนปกคลุมอีกต่างหาก นกที่ว่านี้คือ “นกแร้ง” อาหารหลังของนกแร้งคือซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยแล้ว และระหว่างที่กินอยู่นั้น หัวและคอของมันจะโดนเลือดและเชื้อโรคจำนวนมากได้ง่าย หากตรงส่วนนี้มีขนขึ้นหนาแน่น จะทำให้เชื้อโรคหลบอยู่ภายในขนจนทำให้นกแร้งไม่สบายได้ นอกจากนี้เมื่อกินเสร็จจะไปตากแดด การที่หัวและคอไม่มีขนจึงทำให้มันทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้ง่าย

          ดังนั้นการที่นกแร้งไม่มีขนขึ้นบริเวณหัวและคอก็เป็นผลจากการที่ร่างกายได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพการดำรงชีวิตนั่นเอง คอที่ไร้ขนของนกแร้งนั้นยังมีประโยชน์อีกคือ โดยทั่วไปแล้วหน้าของนกแร้งจะเป็นสีน้ำตาลแก่ ตรงคอเป็นสีฟ้าตะกั่ว แต่ว่าเวลากินอาหารนั้นสีของคอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด เพื่อเตือนให้นกแร้งตัวอื่นหลีกไปไกลๆ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKonwlenge2 (ความรู้รอบตัว) จาก Msolution

Tags: นกแร้ง, อีแร้ง, แร้ง

ทำไมหัวเราะจนเจ็บซี่โครง

        อารมณ์ขันเป็นยาวิเศษ การทำให้คนอื่นหัวเราะหรือได้หัวเราะเอง จึงเป็นประเสริฐ

          “แต่ทำไมหนูหัวเราะมากๆ แล้วถึงได้เจ็บซี่โครงคะ” น้องสาวคนหนึ่งในกองบรรณาธิการชีวจิตสงสัย

          เชิญตะวันจึงไปหาคำตอบมาให้ว่า ขณะหัวเราะมากๆ คนเราจะสูดลมเข้าไปในปอดมาก ซึ่งปอดก็จะไปขยายดันกระบังลมลง โดยที่กล้ามเนื้อบริเวณท้องก็ดันกระบังลมขึ้น

          นักฟิสิกซ์การกีฬาชื่อ โรเบิร์ต ก็อตลิน แห่งศูนย์การแพทย์เบธ ประเทศอิสราเอล แนะนำวิธีแก้ไขว่า

  • ไม่ควรหายใจเร็วขณะหัวเราะ ควรหายใจให้ลึกและยาว
  • อย่ากินอาหารจนแน่นท้อง

            

          หัวเราะทั้งที ขอให้หัวเราะที่ดีต่อสุขภาพร้อยบเปอร์เซ็นต์

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยสารชีวจิต

Tags: ซี่โครง, หัวเราะ, หัวเราะจนเจ็บซี่โครง, เจ็บซี่โครง

ทำไมลำไส้ต้องมีแบคทีเรีย

          เราสามารถเรียกชื่อแบคทีเรียในลำไส้ได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น โปรไบโอติก, อาซิโดฟิลัส, บิฟิดัส, ไมโครฟลอรา, แบคทีเรียดี, หรือแบคทีเรียเลว ซึ่งในที่นี้จะขอเรียกว่าแบคทีเรียดีและแบคทีเรียเลวแทนแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ เพื่อง่ายแก่การเข้าใจ

          “อาซิโดฟิลัส” และ “บิฟิดัส” เป็นแบคทีเรียหลักสำคัญที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีปริมาณมากที่สุดในบริเวณลำไส้ใหญ่ตอนต้นช่วงขวา และจะมีปริมาณน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อมาถึงลำไส้ใหญ่ส่วนกลาง และน้อยที่สุดในลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย และแทบไม่เหลือเลยในส่วนใกล้ปากทวาร

          ปกติในลำไส้จะมีทั้งแบคทีเรียดีและแบคทีเรียเลว ช่วงแรกเกิดเราจะมีปริมาณแบคทีเรียดีในลำไส้มาก ซึ่งมักจะลดลงไปตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับลำไส้ที่สกปรกสะสมมากขึ้น โดยแบคทีเรียดีนี้จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนทหารตัวน้อยในร่างกายที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี แข็งแรง และยังช่วยป้องกันการเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียเลวที่จะแทรกซึมไปตามระบบเลือดและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตัวการบ่อเกิดอาการท้องผูก และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มากมาย

          ในความเป็นจริงด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษและการรับประทานอาหารและใช้ชีวิตที่ย่ำแย่ลง เป็นบ่อเกิดให้ภายในลำไส้ผู้คนส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยแบคทีเรียเลว โรคมะเร็ง และร่างกายที่เสื่อมถอยของประชากรทั่วโลกเป็นตัวชี้วัดได้ดี

          สภาวะที่ทำให้แบคทีเรียเลวเพิ่มปริมาณมาก คือ บริโภคอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมี ยาฆ่าแมลง สารถนอมอาหาร เป็นต้น ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่ผ่านกรรมวิธีความร้อนสูง ไฟเบอร์ต่ำ ใช้ยาจำพวกยาแก้ท้องผูก ยาคุมกำเนิด

          สภาวะที่แบคทีเรียดีสามารถเพิ่มปริมาณและทำงานได้ดีคือ มีความเป็นกรดเล็กน้อยที่ pH 5.9 ถึง 6.9 ซึ่งสภาวะนี้ถือเป็นสวรรค์สำหรับแบคทีเรียดีเลยทีเดียว และการที่จะให้ลำไส้มีสภาวะที่ดีแบบนี้ได้เราจำเป็นที่จะต้องดูแลอาหารการกินให้มีไฟเบอร์ไม่ต่ำกว่า 60-80% ในแต่ละมื้อ ดูแลลำไส้ให้สะอาดและมีสุขภาพดีด้วยการรับประทานอาหารเสริมจำพวกโปรไบโอติก หรือล้างพิษด้วยการกิน หรือ Colon Hydrotherapy

          อ่านจบแล้วอย่าลืมมาทำให้ลำไส้เต็มไปด้วยทหารที่ดีเพื่อปกป้องร่างกายกันนะ

 ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: รู้หรือไม่ จาก Msolution

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

ทำไมรู้สึกคันเมื่อยุงกัด

          เมื่อถูกยุงกัดจะมีตุ่มเล็กๆ บวมแดงขึ้นมา และทำให้เรารู้สึกคัน สาเหตุที่เรามีอาการคันเมื่อถูกยุงกัด เนื่องจากในขณะที่ถูกยุงกัด ยุงจะปล่อยน้ำลายที่มีสารโปรตีนออกมา เมื่อมีสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายจะส่งผลให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบโต้โดยสร้างภูมิคุ้มกันสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย

          ในขณะที่ยุงกัดและปล่อยน้ำลายออกมานั้น ผิวหนังจะหลั่งสารฮิสตามีนออกมาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เมื่อสารฮิสตามีน (Histamine) และสารโปรตีนในน้ำลายยุงทำปฏิกิริยากัน จึงทำให้เรารู้สึกคันและเกิดรอยบวมแดงขึ้นเล็กน้อยในบริเวณที่ถูกยุงกัด เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำปฏิกิริยา (ทำหน้าที่สลายโปรตีน) ได้หมดเราก็จะหายคันและรอยบวมแดงก็จะจางลง

คำแนะนำเมื่อถูกยุงกัด

.
– ล้างผิวหนังบริเวณที่ถูกยุงกัดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ เพื่อล้างสารเคมีจากน้ำลายยุงที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
– ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งหรือเจลเย็นประคบเพื่อลดอาการคัน
– ทาคาลาไมน์โลชั่นหรือทายาบรรเทาอาการคัน หากมีตุ่มหนองซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนให้แต้มยาปฏิชีวนะ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทิ้งรอยดำหรือเป็นแผลเป็นได้ รอยดำที่เกิดขึ้นหลังจากถูกยุงกัดเกิดจากเม็ดสีที่ผิวหนังมีปริมาณมากขึ้น หลังเกิดการอักเสบ ซึ่งส่วนมากจะจางหายไปได้เอง แต่อาจใช้เวลานาน
– ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอและหลีกเลี่ยงการแกะเกาบริเวณที่ถูกยุงกัด เพราะอาจกลายเป็นรอยดำหรือแผลเป็นได้เช่นกัน

สมุนไพรแก้คัน 

.
          แต่ละคนจะมีปฏิกิริยาต่อน้ำลายยุงต่างกันไป บางคนอาจไม่แพ้เลย ขณะที่บางคนอาจจะรู้สึกคันมาก นอกจากวิธีดังกล่าวแล้ว อาจลองใช้สมุนไพรต่อไปนี้
– ตำลึง นำใบตำลึงมาล้างให้สะอาด แล้วโขลกให้ละเอียด ผสมกับน้ำเล็กน้อย นำมาทาบริเวณที่เป็นตุ่ม ทาซ้ำบ่อยๆ จนกว่าจะหาย
– ขมิ้น นำหัวขมิ้นมาล้างให้สะอาดแล้วโขลกให้ละเอียดทาบริเวณที่ยุงกัด หรือใช้ผงขมิ้นละลายน้ำทาบ่อยๆ บริเวณที่คัน
– เปลือกกล้วย ใช้ผิวด้านในของเปลือกกล้วยมาถูบริเวณที่ถูกยุงกัด อาจช่วยลดอาการบวมและคันได้

วิธีป้องกันยุง

.
          ยุงอาจเป็นพาหะโรคติดต่อร้ายแรง ดังนั้นควรหาวิธีป้องกันเอาไว้ก่อน

.
– ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เพื่อป้องกันยุงกัด
– เลือกใส่เสื้อผ้าสีอ่อนๆ เพราะผลการวิจัยพบว่า ยุงชอบสีเข้มๆ มากกว่าสีอ่อนๆ
– ระวังไม่ให้ถูกยุงกัด เช่น นอนกางมุ้ง หรือติดมุ้งลวด
– ใช้ยาป้องกันยุงชนิดที่ทำจากสารสกัดธรรมชาติ ไม่ควรใช้ชนิดที่เป็นสารเคมี เพราะอาจเป็นอันตรายได้โดยเฉพาะเด็กๆ อย่าทายากันยุงบริเวณร่มผ้า ให้ทาบางๆ ที่แขนขา ฉีดหรือหยดลงบนเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม หรือผ้าอ้อมเด็ก
– หากจะฉีดยากันยุงชนิดที่เป็นสารเคมี ควรฉีดในช่วงกลางวันหรือฉีดทิ้งไว้สักพักก่อนจะเข้าไปอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อความปลอดภัย
– หลีกเลี่ยงมุมอับ ที่มืด และระมัดระวังช่วงเวลาที่ยุงจะชุมมากที่สุด นั่นก็คือช่วงหัวค่ำและรุ่งสาง ยกเว้นยุงลายที่ออกหากินเวลากลางวัน
– กำจัดยุงและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้าน เช่น แจกันดอกไม้ จานรองขาตู้ ท่อน้ำ หรือบริเวณที่มีน้ำขัง

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: ยุงกัด, รู้สึกคันเมื่อยุงกัด